หางาน จ๊อบไทยนาว

สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ วิธีสำเร็จแบบไม่เหนื่อย ใช้ไหวพริบแทนแรง

ใครว่าคนขี้เกียจจะไม่มีวันสำเร็จ? ความจริงแล้ว "ความขี้เกียจ" ถ้าใช้ให้ถูกทาง มันคือแรงผลักดันชั้นดีในการหาวิธีที่ง่ายกว่า เร็วกว่า และใช้แรงน้อยที่สุดในการทำสิ่งต่างๆ และนั่นแหละ คือกุญแจของความสำเร็จในยุคนี้

1. คิดก่อนทำ

คนขี้เกียจจะไม่รีบลุยโดยไม่วางแผน เพราะรู้ว่าทำแบบนั้นเหนื่อยฟรี พวกเขาจะคิดหาทางที่ง่ายที่สุดก่อนเสมอ เช่น เขียนโค้ดสั้นๆ แทนที่จะคลิกซ้ำๆ หรือใช้เครื่องมืออัตโนมัติแทนการทำเอง
จำไว้: ขี้เกียจแบบฉลาด คือวางระบบแทนการใช้แรง

2. ใช้เทคโนโลยีให้คุ้ม

คนขี้เกียจมักมองหาเครื่องมือช่วยงานเสมอ เช่น ใช้ Notion วางแผน, Zapier ทำงานอัตโนมัติ, หรือใช้ AI เขียนบทความ ไม่ต้องไปนั่งทำเองทุกขั้นตอน
หลักการง่ายๆ: อะไรที่ทำซ้ำได้ ให้ระบบทำแทน

3. โฟกัสเฉพาะสิ่งจำเป็น

คนขี้เกียจไม่ชอบวุ่นวายกับเรื่องไร้สาระ พวกเขาจะเลือกทำเฉพาะสิ่งที่ “ให้ผลลัพธ์จริง” เช่น ถ้าทำแค่ 20% แล้วได้ผลลัพธ์ 80% พวกเขาจะเลือกทำแค่ 20% นั่นแหละ (กฎ Pareto) ท่องไว้: ทำให้น้อย แต่ได้ผลเยอะ

4. พักให้เป็น

คนขี้เกียจรู้ว่า "การพัก" คือการชาร์จพลัง ถ้าเหนื่อยก็พัก ถ้าเบลอก็หยุด เพื่อกลับมาลุยให้เต็มที่ การพักแบบมีคุณภาพ ดีกว่าฝืนทำทั้งวันแล้วไม่เสร็จอะไรเลย

5. อย่าทำงานคนเดียว

คนขี้เกียจที่สำเร็จมักไม่ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาให้คนเก่งในแต่ละด้านช่วย หรือไม่ก็จ้างคนทำสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เพื่อให้ตัวเองมีเวลาทำสิ่งสำคัญจริงๆ

สรุป

ความขี้เกียจไม่ใช่จุดอ่อนเสมอไป ถ้ารู้จักใช้ให้เป็น มันจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราหาทางที่ “ฉลาดกว่า” ไม่ใช่ “หนักกว่า” ใครที่เบื่องานซ้ำซาก เกลียดการลงแรงโดยไม่จำเป็น คุณอาจไม่ได้ขี้เกียจ… แค่กำลังมองหาทางลัดที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น… ขี้เกียจให้ถูกวิธี แล้วคุณจะสำเร็จแบบไม่เหนื่อยเกินไป

บทความล่าสุด

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกปี หลายคนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองควรมีรายได้ที่เหมาะสมกับทักษะและประสบการณ์มากขึ้น แต่พอถึงช่วงเจรจาเรื่องเงินเดือน...

การว่างงานเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องไปสัมภาษณ์งานใหม่ แล้วถูกถามถึง “ช่องว่าง” ในเรซูเม่ที่ไม่มีงานประจำ...

เคยไหม? ส่งเรซูเม่ไปหลายที่แต่ไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์กลับมาเลย จนเริ่มสงสัยว่าปัญหาอยู่ที่ไหน คำตอบอาจอยู่ใน "เรซูเม่" ที่คุณใช้สมัครงานนั่นแหละ...

ในโลกของการทำงานที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน คำว่า "ประสบการณ์การทำงาน" (Work Experience) กลายเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่นายจ้างมองหาเป็นอันดับแรกๆ...

งานนี้ดีไหม?” เป็นคำถามยอดฮิตที่คนวัยทำงานจำนวนมากถามตัวเองบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รู้สึกว่าไม่แฮปปี้กับงานที่ทำอยู่...

“รับเฉพาะคนมีประสบการณ์อย่างน้อย 1-2 ปี” กลายเป็นประโยคคุ้นตาในประกาศรับสมัครงานยุคนี้ แล้วเด็กจบใหม่จะไปหาประสบการณ์จากที่ไหน...


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้สะดวกต่อการใช้งานของคุณ การดำเนินการต่อบนเว็บไซต์นี้ถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้ นโยบายการใช้คุกกี้