การว่างงานเป็นช่วงเวลาที่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องไปสัมภาษณ์งานใหม่ แล้วถูกถามถึง “ช่องว่าง” ในเรซูเม่ที่ไม่มีงานประจำ หัวข้อนี้อาจดูน่ากังวล แต่หากคุณเตรียมตัวตอบให้ดี ก็สามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างความประทับใจแก่ผู้สัมภาษณ์ได้
1. เตรียมคำตอบล่วงหน้าแบบตรงประเด็น
อย่ารอให้คำถามมาถึงแล้วค่อยคิดคำตอบ เพราะการพูดวกวนหรือลังเลจะทำให้คุณดูไม่มั่นใจ คำตอบที่ดีควรสั้น ชัดเจน และเน้นสิ่งที่คุณได้เรียนรู้หรือทำในช่วงว่างงาน เช่น การเรียนคอร์สออนไลน์ การฝึกทักษะใหม่ หรือการดูแลครอบครัวด้วยความตั้งใจ
2. หลีกเลี่ยงการพูดเชิงลบถึงงานเก่าหรือชีวิตที่ผ่านมา
ไม่ควรใช้คำพูดในเชิงโทษสิ่งแวดล้อม หัวหน้า หรือบริษัทเดิม เพราะจะทำให้ HR มองว่าคุณอาจมีปัญหาเรื่องทัศนคติ ควรเน้นความคิดบวก และแสดงให้เห็นว่าคุณใช้ช่วงเวลานั้นอย่างมีคุณค่า
3. แสดงความกระตือรือร้นในการกลับเข้าสู่สายงาน
ให้เน้นว่าคุณพร้อมกลับมาทำงานอย่างเต็มที่แล้ว อธิบายถึงสิ่งที่คุณเตรียมตัวไว้ เช่น อัปเดตทักษะ ฝึกงานฟรี หรือลงมือทำโปรเจกต์ส่วนตัว เพื่อให้เห็นว่าคุณไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง
4. เชื่อมโยงช่วงว่างงานเข้ากับตำแหน่งที่สมัคร
หากคุณใช้เวลาศึกษาทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานในช่วงว่างงาน เช่น การเรียน Data Analytics เพื่อเปลี่ยนสายงาน ก็ควรพูดถึงให้ชัดเจน สิ่งนี้จะทำให้ HR เห็นความตั้งใจและความสามารถในการปรับตัวของคุณ
5. ใช้โทนเสียงมั่นใจ ไม่แก้ตัว
คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดที่เคยว่างงาน แต่ควรพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่มั่นใจ ใช้ภาษาที่เป็นกลาง ไม่กล่าวขอโทษเกินความจำเป็น และเน้น “สิ่งที่ได้” มากกว่า “สิ่งที่ขาด”
6. ใส่ข้อมูลช่วงว่างในเรซูเม่แบบมืออาชีพ
แทนที่จะปล่อยให้ช่วงว่างดูโล่งในเรซูเม่ คุณอาจใส่หัวข้อ “กิจกรรมระหว่างการว่างงาน” พร้อมระบุสิ่งที่ทำ เช่น “ศึกษาคอร์สด้าน UX Design ผ่าน Coursera” หรือ “อาสาสมัครช่วยงานเอกสารให้โรงพยาบาล”
7. ซ้อมตอบคำถามจริงกับเพื่อนหรือโค้ช
การซ้อมตอบคำถามกับคนอื่นจะช่วยให้คุณจับน้ำเสียง สีหน้า และเนื้อหาการตอบได้แม่นยำขึ้น อย่าลืมให้ผู้ซ้อมช่วยติชมเพื่อให้คุณพัฒนาและมั่นใจยิ่งขึ้นในวันจริง
ท้ายที่สุด ช่วงเวลาว่างงานไม่ใช่ “รอยด่าง” แต่เป็นเพียง “บทหนึ่ง” ในชีวิตการทำงาน หากคุณรู้จักเล่าเรื่องให้ถูกจังหวะ เลือกใช้คำที่เหมาะสม และแสดงความพร้อมในการเริ่มต้นใหม่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ HR จะมองคุณในแง่ลบ